ปัจจุบันโรคอ้วนเป็นปัญหาอย่างมากใน
ประเทศที่พัฒนาแล้ว
โดยโรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังที่อาจเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ
ตามมา เช่น โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวานหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
ดังนั้นโรคอ้วนจึงจำ
เป็นต้องได้รับการรักษา ซึ่งการรักษาสามารถทำได้หลายวิธี เช่น
การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
การใช้ยารักษา และการผ่าตัด
ซึ่งปัจจุบันพบว่าการนำยาลดความอ้วนไปใช้ในทางที่ผิดมีมากขึ้น
เนื่องจากการซื้อยาลดความอ้วนสามารถหาซื้อเองได้ง่าย
โดยไม่ได้มีการแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรที่เหมาะสม
ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา

โดย
จากการสำรวจของกองควบคุมวัตถุเสพติด พบว่า ยาชุดลดความอ้วน
มักจะประกอบไปด้วยยาหลายชนิดเพื่อช่วยเสริมผลในการลดน้ำหนัก
ซึ่งจัดไว้เป็นชุดให้รับประทานเหมือนกันในแต่ละวัน โดย ยาชุดลดความอ้วน
จะประกอบไปด้วยยาประมาณ 1-7 รายการ ดังต่อไปนี้
ยาลดความอยากอาหาร
เช่น เฟนเตอมีน (Phentermine) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มแอมเฟตามีน
โดยยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์กระตุ้นศูนย์ควบคุมความอิ่มทำให้เกิดอาการเบื่อ
อาหาร โดยผลข้างเคียงที่เกิดจากยากลุ่มนี้ เช่น นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
ปวดศีรษะ หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง อาจหมดสติหรือชักได้ เป็นต้น
แม้ว่ายาเฟนเตอมีนนี้
จะมีข้อบ่งชี้ในการรักษาโรคอ้วนโดยตรงแต่ให้ใช้ในระยะสั้นเท่านั้น เช่น
ไม่ควรใช้เกิน 3-6 เดือน
และหากรับประทานยาลดความอ้วนกลุ่มนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
อาจทำให้เกิดการติดยาได้ เนื่องจากยามีฤทธิ์ทำให้เคลิ้มมีความสุข
และถ้าหากหยุดยาทันทีทันใด อาจเกิดภาวะถอนยาได้ อาการถอนยาดังกล่าวได้แก่
สับสน หวาดระแวง ประสาทหลอน เป็นต้น
ยากลุ่มนี้จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2
ดังนั้นการใช้ยากลุ่มนี้จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
ไทรอยด์ฮอร์โมน
เป็นยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ
ซึ่งยามีผลเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดลงเร็ว
โดยยากลุ่มนี้ทำให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่างเช่น
น้ำหนักที่ลดลงเป็นน้ำหนักที่ลดลงที่เกิดจากน้ำหนักตัวที่ปราศจากไขมัน
(lean body mass) แทนที่จะเป็นไขมัน ซึ่งเป็นการทำลายโปรตีนของกล้ามเนื้อ
มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ เช่น ทำให้ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เป็นต้น
ยาขับปัสสาวะ มี
ผลขับปัสสาวะออกจากร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดลงเร็วหลังใช้ยา
แต่ยาขับปัสสาวะไม่มีผลในการลดแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับ
มีผลเพียงทำให้ปริมาณน้ำในร่างกายลดลงเท่านั้น
ซึ่งนอกจากนี้ยังทำให้สูญเสียสมดุลของเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกายไปด้วย
ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายอาการผิดปกติต่อหัวใจ สมอง
และอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
โดยยากลุ่มนี้ไม่ควรนำมาใช้ในการลดน้ำหนักอย่างยิ่ง
ยาถ่ายหรือยาระบาย จะ
กระตุ้นลำไส้ใหญ่ให้บีบตัวทำให้ถ่ายมากหรือบ่อยขึ้น
เพื่อขับไล่อาหารออกจากทางเดินอาหารภายหลังการรับประทานยาเข้าไป
ทำให้รู้สึกว่าน้ำหนักลดลง
แต่การใช้ยาระบายในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเดิน
ร่างกายสูญเสียสมดุลของน้ำและเกลือแร่ เกิดอันตรายได้
และการใช้ยาระบายติดต่อกันนานๆ ส่งผลร่างกายเริ่มทนต่อยา คือ
การใช้ยาในขนาดเท่าเดิมแต่ให้ผลการรักษาลดลง หากต้องการผลการรักษาเท่าเดิม
ต้องเพิ่มขนาดยามากขึ้น
ดังนั้นควรใช้ยาระบายเพื่อบรรเทาอาการท้องผูกเท่านั้น
ไม่ควรนำมาใช้ในการลดความอ้วน
ยาลดการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร
ยานี้ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก
แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาลดความอยากอาหารที่มีผลทำให้ไม่หิว
ดังนั้นร่างกายจึงไม่ได้รับอาหารหรืออาจได้รับอาหารเพียงเล็กน้อย
ซึ่งการที่ร่างกายไม่ได้รับอาหารแต่ยังมีกรดในกระเพาะอาหารหลั่งเพื่อย่อย
อาหารอยู่ อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคกระเพาะได้
จึงให้ยานี้เพื่อลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
ยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ
เช่น โพรพราโนลอล (Propranolol)
ปกติจะใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
การใช้ร่วมกับ ยาชุดลดความอ้วน นั้น
เพื่อลดอาการใจสั่นที่เป็นผลข้างเคียงของยาลดความอยากอาหาร
และไทรอยด์ฮอร์โมน
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากยาลดอัตราการเต้นของหัวใจได้แก่ เหนื่อยง่าย
อ่อนเพลีย หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
ยานอนหลับหรือยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงทำให้ง่วงนอน
เช่น ไดอะซีแพม (Diazepam)
ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงจากยาลดความอยากอาหารซึ่งกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำ
ให้นอนไม่หลับ
ซึ่งยาในกลุ่มยานอนหลับนี้ยังจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่
2 ดังนั้นการใช้ยากลุ่มนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
นอกจากนี้หากรับประทานยากลุ่มนี้ในขนาดที่สูงเกินไป
อาจมีผลทำให้เกิดการกดการหายใจและความดันโลหิตต่ำได้
แต่เป็นยารักษา
โรคอื่นที่นำมาใช้เพื่อลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาลดความอ้วน
แต่กลับส่งผลให้ได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงมากมาย
ดังนั้นการหาซื้อยาลดความอ้วนมาใช้เองโดยที่ไม่มีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
อาจส่งผลเสียต่อร่างกายต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ดัง
นั้นการลดน้ำหนักที่ดีและปลอดภัย คือ
การควบคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกาย
อีกทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารร่วมด้วย
ซึ่งถึงแม้การใช้ยาลดความอ้วนจะเป็นวิธีเห็นผลเร็ว
น้ำหนักลดลงได้เร็วก็จริง
แต่หากไม่ได้มีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย
เมื่อหยุดยาลดความอ้วนน้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นเช่นเดิมได้
อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดอันตรายต่อชีวิตได้หากใช้ยาในขนาดที่สูง
เกินไป ดังนั้นหากต้องการใช้ยาลดความอ้วน
ควรปรึกษาแพทย์และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากการใช้ยาได้มากที่สุด
ขอบคุณที่มาจาก : เว็บไซต์หน่วยงานคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย นศภ. ศิรดา เด่นชูวงศ์
www.thaihealth.or.th