วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

เมื่อฟอร์มาลิน.....อยุ่ในอาหาร !!

เมื่อฟอร์มาลิน…อยู่ในอาหาร !!

WRITTEN BY TOONGPANG ON . POSTED IN ทั่วไปวิทย์ทั่วไป
43971_full
               เมื่อพูดถึง ฟอร์มาลิน  หลายคนคงนึกถึงสารเคมีที่ใช้ในการดองศพ  เพื่อป้องกันไม่ให้ศพเน่าเปื่อย  แต่คุณสมบัติของมันไม่ได้มีอยู่เพียงแค่นั้น  ฟอร์มาลินยังเป็นสารที่นิยมนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีก  เช่น  ใช้เป็นสารฆ่าเชื้อโรค  เชื้อรา  ในห้องผู้ป่วยและอุปกรณ์ต่าง ๆ ทางการแพทย์  หรือในวงการอุตสาหกรรม  ก็มีการนำสารฟอร์มาลินมาใช้เป็นส่วนประกอบและสารตั้งต้นของผลิตภัณฑ์    อย่างกาว  ผ้าใยสังเคราะห์  พลาสติก  สีทาบ้าน เฟอร์นิเจอร์  ฯลฯ
formalin
               ฟอร์มาลิน (Formalin) หรือ สารละลายฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde)  มีสูตรทางเคมีว่า CH2O  เป็นสารละลายที่ประกอบด้วยแก๊สฟอร์มัลดีไฮด์ร้อยละ 37-40 เป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นของเหลวใส ไม่มีสีกลิ่นฉุน  แสบจมูกโดยปกติสารละลาย นี้จะไม่เสถียรเมื่อเก็บไว้นานโดยเฉพาะที่อุณหภูมิสูง จะกลายเป็นกรดฟอร์มิก   ซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อน
05
               สารเคมีอย่างฟอร์มาลินจึงเป็นสารที่ไม่น่าจะสารที่เจือปนอยู่ในอาหาร  แต่ล่าสุดเมื่อต้นเดือน มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา  นักวิจัยจากสำนักสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ทำการตรวจสุ่มเก็บตัวอย่างอาหาร ในเขตพื้นที่จังหวัดภาคอีสาน  พบว่า  มีการตรวจพบสารฟอร์มาลินเจือปนอาหารอยู่ในปริมาณที่สูงเป็นอย่างมาก !!
               อาหารที่ทำการตรวจพบสารฟอร์มาลีนนั้นได้แก่  อาหารทะเล  และอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะคุณสมบัติของสารฟอร์มาลีน  ซึ่งช่วยในการศพไม่ให้เน่าเปื่อย  โดยฟอร์มาลินจะเข้าไปทำให้โปรตีนในเซลล์เกิดการตกตะกอน  ทำให้ไม่สามารถแบ่งตัวได้  ทั้งยังฆ่าทำลายเชื้อจุลินทรีย์  เชื้อรา  ดังนั้นเนื้อเยื่อของศพจึงแข็งและไม่อ่อนนุ่ม  ทำให้คงสภาพไว้ได้เช่นเดิม   ทำให้พ่อค้าแม่ขายบางคนจึงคิดใช้ประโยชน์จากสารเคมีชนิดนี้  โดยนำสารฟอร์มาลินมาใส่ในอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารเน่าเสียเร็ว  เพื่อที่จะได้ทำการเก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น 
page
               โดยปกติแล้ว  หากร่างกายเรารับสารฟอร์มาลีนเข้าไปในปริมาณที่ต่ำ  ร่างกายของเราจะสามารถกำจัดสารเหล่านี้เองได้  แต่หากรับเข้าไปในปริมาณที่สูงขึ้นถึง 30-60 มิลลิลิตร หรือมีความเข้มข้นมากขึ้น  ฟอร์มาลีนจะเปลี่ยนรูปไปเป็นกรดฟอร์มิค  ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายการทำงานของเซลล์ในร่างกายระบบต่าง ๆ ได้แก่
               ระบบทางเดินหายใจ   หากได้รับในรูปของไอระเหยของฟอร์มัลดีไฮด์  แม้จะปริมาณต่ำ ๆ หากสัมผัสถูกดวงตา  อาจทำให้เกิดการระคายเคือง  ถ้าสูดดมเข้าไปจะทำให้หลอดลมบวม  แสบจมูก เจ็บคอ ไอ หายใจไม่ออก ปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด ทำให้เป็นแผลหรือถึงขั้นตาบอด หากสูดดมเข้าไปมาก  ๆ จะทำให้น้ำท่วมปอด จนหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก  และตายในที่สุด   อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นหลายชั่วโมงหลังจากได้รับสารโดยไม่มีอาการเจ็บปวดเลยก็ได้ 
551000009463505 
           ระบบทางเดินอาหาร  จะทำให้ปวดศีรษะอย่างรุนแรง    หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก ปากและคอแห้ง คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายท้อง ปวดท้องอย่างรุนแรง กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดแผลในกระเพาะอาหาร หากได้รับสารนี้โดยการบริโภค จะเกิดอาการพิษโดยเฉียบพลัน ซึ่งอาการมีตั้งแต่ปวดท้องอย่างรุนแรง  อาเจียน อุจจาระร่วง  ปัสสาวะไม่ออก หมดสติ  ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจเสียชีวิตเพราะระบบหมุนเวียนเลือดล้มเหลว ถ้าหากได้รับในปริมาณ 60-90 มิลลิลิตร  จะทำให้การทำงานของตับ  ไต  หัวใจ  และสมองเสื่อมลง และก่อให้เกิดการปวดแสบปวดร้อนที่คอและปาก  เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรงหมดสติได้
diarrhea_man_holds_stomach
               ผิวหนัง   เมื่อสัมผัสจะเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นคัน  เป็นผื่นแดงเหมือนลมพิษ   จนถึงผิวหนังไหม้เปลี่ยนเป็นสีขาวได้หากสัมผัสโดยตรง
large_q0001
               ดังนั้นฟอร์มาลินจึงถือเป็นวัตถุอันตรายที่ห้ามใช้ในอาหาร  ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศตามกระทรวงสาธารณสุข  ฉบับที่ 151 (พ.ศ.2536)  แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522   ผู้ใช้สารนี้กับอาหารหรือทำให้อาหารนั้นเกิดพิษภัยต่อผู้บริโภค  จัดเป็นการผลิตจำหน่ายอาหารที่ไม่บริสุทธิ์และถ้าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาตรวจพบสารดังกล่าว  จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย  อาจต้องโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี  หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ
               อย่างไรก็ตาม  การบริโภคอาหาร  จึงควรเลือกอาหารให้ปลอดภัยจากอันตรายของฟอร์มาลิน  ทั้งนี้ควรตรวจสอบดูว่า  อาหารเหล่านั้นมีฟอร์มาลินปนเปื้อนอยู่หรือไม่  โดยสังเกตเบื้องต้นว่าอาหารนั้นมีความผิดปกติไปจากธรรมชาติหรือไม่   เช่น  เนื้อสัตว์ยังสด  แม้จะถูกแสงแดดหรือลมเป็นเวลานาน  ผักหรือผลไม้มีลักษณะแข็ง  กรอบ  หรือเขียวผิดปกติ   หรือหากดมส่วนใบหรือก้านของผัก  พบว่ามีกลิ่นแสบจมูก  หรืออาหารทะเล เช่น  ปลา  กุ้ง  มีเนื้อบางส่วนแข็ง  บางส่วนเปื่อยยุ่ย  ดังนี้จึงไม่ควรซื้อมารับประทาน  เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของสารฟอร์มาลิน
pic-1267874200 (1)
               แม้การรณรงค์ป้องกันการใช้สารฟอร์มาลินใส่ในอาหารจะมีอยู่อย่างต่อเนื่อง  และหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาประกาศให้ฟอร์มาลินเป็นสารอันตรายตามพระราชบัญญัติอาหารแล้วก็ตาม  แต่ข่าวการตรวจพบฟอร์มาลินในอาหารยังคงมีให้เห็นอยู่ร่ำไป  ดังนั้น  วิธีการป้องกันที่นอกเหนือจากการรณรงค์ให้พ่อค้าแม่ค้ารักษาจรรยาบรรณในการขายแล้ว  เราจึงควรระมัดระวัง  ในการเลือกซื้ออาหารเพื่อบริโภค  เพื่อหลีกเลี่ยงจากฟอร์มาลิน  สารเคมีร้ายในอาหารนะคะ




อ้างอิง
-  http://th.wikipedia.org/wiki/ฟอร์มาลดีไฮด์
-  http://www.nstda.or.th/vdo-nstda/sci-day-techno/4588-formalin
-  http://www.fda.moph.go.th/project/foodsafety/formalin.htm

ไม่มีความคิดเห็น: