วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

10 ต้นไม้ต้องห้าม ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน

หากใครกำลังมองหาต้นไม้มาแต่งสวนในบ้าน เพื่อความร่มรื่นสวยงาม การเลือกพันธุ์ไม้ก็มีผลในทางฮวงจุ้ยเหมือนกัน เพราะหากเลือกต้นไม้ที่เป็นชื่อมงคลแล้ว ก็จะช่วยส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยมีโชคลาภหรือความเจริญ แต่หากเป็นต้นไม้ที่มีชื่ออัปมงคลแล้ว อาจนำโชคร้ายมาสู่ผู้อยู่อาศัยได้ ดังนั้น เราจึงนำต้นไม้ที่มีชื่อไม่เป็นมงคล และไม่ควรปลูกไว้ภายในบ้าน มาฝากคนที่กำลังแต่งสวนกันค่ะ

10 ต้นไม้ต้องห้าม ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน

ต้นรัก
1. ต้นรัก
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้นรักถึงไม่ควรปลูกไว้ในบ้านทั้งๆ ที่ชื่อก็ฟังน่าจะไปในทิศทางที่ดี แต่ตามความเชื่อโบราณเชื่อว่า ต้นรักจะทำให้ความรักยุ่งยากขึ้น และกลายเป็นคนมากรัก นอกจากนี้ ยางของต้นรัก หากไปสัมผัสโดนเข้าอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังได้
ต้นมะละกอ
2. ต้นมะละกอ
จัดเป็นพืชล้มลุกที่มีชื่อไม่เป็นมงคลนัก บางคนเชื่อว่ามะละกอ เหมือนกับการแตกออกเป็นกอ หรือ “ละ” จากเผ่าจากกอ ส่งผลให้คนภายในบ้านไม่มีความสุข เพราะลูกหลานจะแตกแยกออกไปเป็นกลุ่มๆ มีความคิดที่ขัดแย้งกัน ทะเลาะเบาะแว้งจนหาความสุขไม่ได้ แต่ถ้าต้องการจะปลูกไว้รับประทาน ควรปลูกไว้ริมรั้วนอกบ้าน
ต้นมะละกอ
3. ต้นระกำ
จากชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าระกำช้ำชอก เพราะฉะนั้นโบราณจึงถือว่าต้นระกำนั้น ไม่เป็นมงคล หากปลูกไว้ในบ้านจะนำความชอกช้ำ ระกำใจ มาให้อยู่ตลอดเวลา
ต้นชวนชม 10 ต้นไม้ต้องห้าม ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน
4. ต้นชวนชม
มีความหมาย 2 นัย ด้วยกัน ทั้งดีและไม่ดี หากมองในด้านดี การปลูกต้นชวนชมเอาไว้ในบ้านจะส่งผลให้มีผู้คนมาชื่นชม นิยมยกย่อง กลายเป็นที่รักของคนทั่วไป แต่หากมองในแง่ร้าย ต้นชวนชมจะชักชวนให้คนมาเชยชม จึงไม่เหมาะที่จะนำมาปลูกภายในบ้านที่มีลูกสาววัยแรกรุ่น เพราะอาจจะเป็นการชักนำหนุ่มๆ ให้เข้ามาหาลูกสาวได้ เป็นการปูทางให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียขึ้น นอกจากนี้ ยางของต้นชวนชมค่อนข้างจะเป็นอันตราย หากไปสัมผัสโดนเข้า อาจเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน
ต้นมะรุม
5. ต้นมะรุม
เป็นต้นไม้ที่มาตั้งแต่โบราณ คนนิยมนำมาทำแกงส้ม ชื่อของต้นมะรุมจะไปคล้องจองกับคำว่า มะรุมมะตุ้ม ซึ่งจะมีแต่เรื่องไม่ดีมารุมกระหน่ำเข้ามาจนอยู่ไม่เป็นสุข
ต้นชบา 10 ต้นไม้ต้องห้าม ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน
6. ต้นชบา
เรามักจะเห็นหลายๆ บ้านปลูกต้นชบา เพราะสีสันของดอกที่สวยสะดุดตา ทำให้บ้านดูสวยงาม แต่ในสมัยโบราณ ไม่นิยมปลูกต้นชบาเอาไว้ในบริเวณบ้าน เพราะดอกชบานั้น มักถูกนำไปใช้ในเรื่องร้ายๆ อย่างเช่น นำดอกชบามาร้อยเป็นพวง แล้วนำไปสวมคอหญิง-ชาย ที่เป็นชู้ หรือลักลอบได้เสียกัน กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเล่นชู้ รวมทั้งนำพวงมาลัยดอกชบาไปสวมคอนักโทษที่กำลังจะถูกประหารอีกด้วย
ต้นโพธิ์
ภาพจาก www.khaoyaizone.com
7. ต้นโพธิ์
ต้นโพธิ์ไม่ใช่ต้นไม้อัปมงคล แต่ก็ไม่ควรนำมาปลูกในบ้าน เพราะเชื่อกันว่าต้นโพธิ์ เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เหมาะสำหรับปลูกตามวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากกว่า
ต้นงิ้ว
ภาพจาก 123ne.blogspot.com
8. ต้นงิ้ว
ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน เพราะเป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการมีชู้ แต่หากปลูกตามสถานที่ที่เป็นองค์กร อาคารสำนักงาน หรือสวนอาหารบางแห่ง ก็ไม่เป็นไร เพราะงิ้วเป็นต้นไม้สูงใหญ่และดูงามตา
ต้นเต่าร้าง
9. ต้นเต่าร้าง
เชื่อกันว่าหากสามีภรรยาคู่ใด ปลูกต้นเต่าร้างเอาไว้ในบ้าน อาจมีเรื่องต้องเลิกรากันไป เพราะชื่อของเต่าร้างแสดงความหมายไปในทางเลิกราหรือหย่าร้างกันอยู่แล้ว
ต้นนางแย้มป่า
10. ต้นนางแย้มป่า
ห้ามปลูกต้นนาง แย้มป่าในบ้านโดยเด็ดขาด ตามความเชื่อนางแย้มป่าเป็นต้นไม้ที่มีภูตผีปีศาจสิงอยู่ หากปลูกไว้ภายในบ้าน วันดีคืนดี ต้นนางแย้มป่าจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ ทำร้ายรังแกผู้คนในบ้านให้หวาดผวาเสียขวัญ หรือเจ็บไข้ได้ป่วย
ที่มา http://www.homepro.co.th/
* ทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล หากใครทำแล้วสบายใจและไม่เดือดร้อนต่อคนอื่น ก็ทำเลยนะคะ สุขอยู่ที่ใจ สุขอยู่ที่เราค่ะ

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

6 สตรีผุ้น่าจดจําแห่งราชวงศ์ซิง

6 สตรีผู้น่าจดจำแห่งราชวงศ์ชิง


วันนี้ทีนเอ็มไทย จะพาทุกคนไปติดตามเรื่องน่ารู้ของประเทศจีน กับ 6 สตรีผู้น่าจดจำแห่งราชวงศ์ชิง ยิ่ง ถ้าใครชื่นชอบประวัติศาสตร์จีนหรือเคยติดตามหนังจีนแนวนี้อยุ่แล้ว แนะนำว่าห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะสตรีทั้ง 6 นี้เป็นส่วนนึงของเรื่องราวที่ขับเคลื่อนประวัติศาสตร์สำคัญๆ ไม่แพ้ผู้ชายในสมัยนั้นเลยนะคะ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปติดตามเรื่องราวประวัติศาตร์ของเหล่าสตรีทั้ง 6 กันเลย…
5502130207

6 สตรีผู้น่าจดจำแห่งราชวงศ์ชิง

ราชวงศ์ชิงก่อตั้งโดย “นู่เอ่อร์ฮาเช่อร์” ชาวแมนจู ซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในปัจจุบัน พระองค์ได้ก่อตั้งอาณาจักรโฮ่วจินขึ้นมา โดยในระยะแรกยังเป็นเพียงประเทศใต้อำนาจของจักรวรรดิหมิง ต่อมาเมื่อหวงไถจี๋ขึ้นครองราชย์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นจักรวรรดิชิงและเปลี่ยนชื่อเผ่าเป็นแมนจู รวมทั้งสถาปนาพระองค์เป็นจักรพรรดิเท่าเทียมจักรพรรดิหมิง ต่อมาตัวเอ่อคุน พระอนุชาองค์ที่ 14 ของหวงไถจี๋ ได้ร่วมมือกับอู๋ซานกุ้ย บุกยึดเมืองปักกิ่งที่หลี่จื้อเฉิง ได้ยึดครอง และสถาปนาราชวงศ์ชิงอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1644 โดยมีจักรพรรดิชิงซื่อจู่ (ซุ่นจื้อ) เป็นปฐมจักรพรรดิผู้ซึ่งปกครองแผ่นดินจีนอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ตลอด ระยะเวลาของราชวงศ์ชิง มีสตรีหลายคนที่น่าจดจำ บางคนได้กระทำสิ่งที่ดี บางคนก็กระทำสิ่งที่ไม่ดี โดยต่อไปนี้คือสตรีผู้ซึ่งทั้งค้ำจุน สนับสนุน ดูแล รวมไปถึงทำลายรากฐานแห่งราชวงศ์ชิง อันนำไปสู่จุดจบของระบอบฮ่องเต้ในเวลาต่อมา
พระนางเสี้ยวจวงไทเฮา
พระนางเสี้ยวจวงไทเฮา
1.พระนางเสี้ยวจวงไทเฮา
พระ นางเสี้ยวจวงไทเฮาไม่ได้เป็นชาวแมนจูโดยกำหนด แต่ทรงเป็นชาวมองโกล ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศมองโกเลียและเขตมองโกเลียในและบางส่วนในรัสเซีย ปัจจุบัน ทรงเติบโตมาในตระกูลของหัวหน้าเผ่าโป๋เอ่อร์จี่จี้เท่อหรือบอร์จิกิต ทรงมีพระนามเดิมว่า “ปูมู่ปูไท่” ทรงเข้ามาเป็นพระชายาของเจ้าชายหวงไท่จี๋ในปี 1625 ขณะทรงมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา
ภายหลังเมื่อจักรพรรดิไท่จง (หวงไท่จี๋) เสด็จสวรรคตในปี 1643 พระนางก็ได้ให้ฟู่หลิน พระราชโอรส ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ ใช้รัชศกว่าซุ่นจื้อ โดยมีตัวเอ่อคุนเป็นผู้สำเร็จราชการและพยายามกดขี่จักรพรรดิ แต่ก็ถูกพระนางค้านไว้ตลอด ภายหลังเมื่อตัวเอ่อคุนสิ้นพระชนม์ จักรพรรดิทรงได้ถอดตำแหน่งออก และทรงว่าราชการเอง ภายหลังเมื่อทรงสวรรคตในปี 1661 เสวียนเย่ว องค์ชาย 3 ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิคังซี ก็ถูกเอ๋าป้าย ซึ่งเป็นขุนนางเก่าในรัชกาลซุ่นจื้อเป็นผู้สำเร็จราชการและกดขี่ โดยภายหลังเมื่อเอ๋าป้ายพยายามกบฏ ก็ถูกจับและขังคุกจนตาย ส่วนจักรพรรดิคังซีเมื่อทรงว่าราชการได้แล้ว ก็ทรงกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจนสิ้นพระชนม์เมื่อปี 1688
พระนางไม่ ได้เป็นชาวแมนจู หรือชาวฮั่น แต่พระนางทรงช่วยพระสวามี พระราชโอรส และพระราชนัดดาในการว่าราชการช่วยเหลือประเทศ และยังค้ำจุนราชวงศ์และตัวองค์จักรพรรดิให้รอดพ้นจากวิกฤติมาด้วยดีตลอด นอกจากนี้ จักรพรรดิคังซีเองทรงกำพร้าพระราชชนกและพระราชชนนีตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ตั้งแต่เล็กจนทรงเติบโตมา ได้เพียงแค่พระนางเสี้ยวจวงกับนางกำนัล ซู่หม่าลา เลี้ยงดูจนทรงว่าราชการได้เอง
พระนางฉงชิ่งไทเฮา
พระนางฉงชิ่งไทเฮา
2.พระนางฉงชิ่งไทเฮา
พระ นางฉงชิ่งทรงกำเนิดใน ตระกูลหนิ่วฮู่ลู่ และทรงเป็นพระชายาในองค์ชายอิ้นเจิ้น (จักรพรรดิยงเจิ้ง) ในปี 1705 และทรงให้กำเนิดองค์ชายหงลี่ (จักรพรรดิเฉียนหลง) ในปี 1711 ทำให้ได้เป็นพระชายาเก๋อเก๋อ เมื่อองค์ชายอิ้นเจิ้นขึ้นเป็นจักรพรรดิยงเจิ้ง ได้ทรงเป็นพระสนมซี ภายหลังเมื่อองค์ชายหงลี่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเฉียนหลง ทรงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีและเป็นพระพันปีหลวงฉงชิ่ง
พระนางฉงชิ่งทรง มักจะตักเตือนและคอยเป็นห่วงพระราชโอรส รวมทั้งยังได้ช่วยเหลือพระราชโอรสในบางครั้งอยู่เสมอ พระราชโอรส จักรพรรดิเฉียนหลงเอง ก็ได้ทรงกตัญญูและเชื่อฟังตามคำสั่งสอนของพระราชชนนี ทำให้การบริหารงานในยุคของจักรพรรดิเฉียนหลงช่วงต้นรัชกาล เป็นไปอย่างเรียบร้อย
พระนางฉงชิ่งสิ้นพระชนม์ในปี 1777 ทรงถูกฝังอยู่ในสุสานราชวงศ์ชิงตะวันตก โดยจักรพรรดิเฉียนหลงทรงควบคุมงานพระบรมศพมาตลอดพระราชพิธี
พระนางกงฉือไทเฮา
พระนางกงฉือไทเฮา
3.พระนางกงฉือไทเฮา
พระ นางกงฉือไทเฮาทรงกำเนิดใน ตระกูลหนิ่วฮู่ลู่ ทรงได้เป็นพระชายาในองค์ชายหยงเหยี่ยน (จักรพรรดิเจียชิ่ง) ต่อมาเมื่อพระราชสวามีได้เป็นจักรพรรดิ พระนางเองก็ไม่ได้รับการแต่งตั้งใดๆ เลย อีกทั้งจักรพรรดิเจียชิ่งไม่เคยโปรดในตัวพระนาง เนื่องจากพระราชบิดาของพระนางทรงเป็นขุนนางของเหอเซิน ซึ่งจักรพรรดิเจียชิ่งทรงไม่โปรดอย่างมาก เมื่อจักรพรรดินีพระองค์แรก (พระราชชนนีของจักรพรรดิเต้ากวง) สิ้นพระชนม์ พระนางเองได้รับการแต่งตั้งเป็นจักรพรรดินีด้วยเหตุผลทางการเมือง
ว่า กันว่า เมื่อทรงได้เยี่ยมสุสานราชวงศ์ชิง และถูกโจรกบฏพรรคบัวขาวจับตัวไป โจรกบฏบังคับให้พระนางกับองค์ชายเหมี่ยนหนิง (จักรพรรดิเต้ากวง) ให้บอกว่าใครเป็นใคร พระนางไม่ทรงยอมบอกจนถูกโจรกบฏแทงพระองค์ไปหลายครั้ง ทำให้จักรพรรดิเจียชิ่งและองค์ชายเหมี่ยนหนิงซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและ ไม่รังเกียจพระนางอีกเลย
ต่อมาเมื่อจักรพรรดิเจียชิ่งสวรรคตที่พระตำ หนักเฉิงเต๋อ และองค์ชายเหมียนหนิงได้ขึ้นครองราชย์ องค์ชายเหมี่ยนซิน ทรงกล่าวหาว่าจักรพรรดิเต้ากวงทรงปลอมแปลงพินัยกรรม จึงทรงร้องขอให้พระนางตัดสินและทรงตัดสินว่าพินัยกรรมเป็นของจริงและได้ขอ อภัยโทษแทนองค์ชายเหมียนซิน นั้นเป็นเหตุทำให้จักรพรรดิเต้ากวงทรงยิ่งนับถือพระนางยิ่งขึ้น
เมื่อพระนางสิ้นพระชนม์ในปี 1850 จักรพรรดิเต้ากวงเมื่อทรงทราบข่าวก็ทรงเสียพระทัยมากจนทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตไปในปีเดียวกัน
พระ นางทรงรักจักรพรรดิเต้ากวงมาก แม้มิใช่พระราชโอรสแท้ๆ ของพระนาง แต่พระนางกลับรักและปกป้องพระองค์ยิ่งกว่าพระราชโอรสแท้ๆ ของพระนาง ทำให้จักรพรรดิเต้ากวงนับถือนางดุจพระชนนีแท้มาตลอดพระชนมายุ
พระนางซูอันไทเฮา
พระนางซูอันไทเฮา
4.พระนางซูอันไทเฮา
พระ นางซูอันไทเฮาทรงกำเนิดใน ตระกูลหนิ่วฮู่ลู่เช่นเดียวกับจักรพรรดินีองค์ก่อนหน้า ทรงได้เข้ารับการถวายตัวเป็นพระชายาในจักรพรรดิเสียนเฟิง และทรงได้รับการคัดเลือกเป็นพระชายาร่วมกับพระชายาอี้หลาน (ซูสีไทเฮา) และได้รับการสถาปนาเป็นจักรพรรดินีเจินในปี 1852
ภายหลังเมื่อ จักรพรรดิเสียนเฟิงสวรรคตในปี 1861 ทรงได้ร่วมมือกับพระนางซูสีไทเฮาร่วมกันจับกุม 8 ผู้สำเร็จราชการที่จักรพรรดิเสียนเฟิงทรงแต่งตั้ง และสำเร็จโทษในเวลาต่อมา ยังทำให้อำนาจผู้สำเร็จราชการตกอยู่ในมือพระนางทั้งสอง
พระนางซูอัน ไทเฮาได้รับการเคารพจากทั้งจักรพรรดิถงจื้อและจักรพรรดิกวงสูเป็นอย่างมาก เนื่องจากทรงมีพระเมตตาและมีความถ่อมพระองค์ ไม่ถือพระองค์ และทรงมีพระเมตตากับเหล่านางกำนัลและขันทีอย่างไม่ถือพระองค์เลย แต่ในระยะหลังทรงมีข้อขัดแย้งกับซูสีไทเฮาอยู่ในหลายๆ ครั้ง และทรงถูกบริภาษจากซูสีไทเฮาว่า “พระนางทรงขี้เกียจและเฉื่อยชา ไม่ใส่ใจพระราชกรณียกิจเท่าที่ควร” ซึ่งแตกต่างกับพระนางที่กวดขันพระราชกรณียกิจบ่อยๆ
พระนางซูอันไทเฮา ทรงสิ้นพระชนม์ในปี 1881 เชื่อว่าพระนางซูสีไทเฮาทรงวางยาพิษไว้ในขนมของพระนาง แต่ภายหลังนักประวัติศาสตร์เชื่อว่าทรงอาจจะเป็นโรคลมปัจจุบันมากกว่า แต่ยังไม่มีหลักฐานรองรับใดๆ เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์
พระนางซูสีไทเฮา
พระนางซูสีไทเฮา
5.พระนางซูสีไทเฮา
พระ นางซูสีไทเฮาทรงกำเนิดใน ตระกูลเยโฮนาลา ซึ่งเคยเป็นศัตรูกับราชวงศ์ชิงในอดีต ทรงกำเนิดมาโดยการได้รับเลือกเป็นพระชายาอี้หลาน และทรงให้กำเนิดองค์ชายไจ้ฉุน (จักรพรรดิถงจื้อ) โดยทรงมีขันทีคู่ใจ 2 คน ชื่อว่าอันเต๋อไห่กับหลี่เหลียนอิง ทรงได้ร่วมมือกับพระนางซูอันไทเฮาและองค์ชายอี้ซิน พระอนุชาในจักรพรรดิเสียนเฟิง ทำการรัฐประหาร 8 ผู้สำเร็จราชการที่จักรพรรดิเสียนเฟิงทรงแต่งตั้ง และยึดอำนาจบริหาร “ว่าราชการหลังม่าน”
ภายหลังเมื่อจักรพรรดิถงจื้อสวรรคตในปี 1875 ทรงรับเอาพระนัดดา คือ ไจ้เทียน ซึ่งเป็นบุตรชายของพระขนิษฐาของพระนาง ขึ้นเป็นจักรพรรดิกวงสู เพื่อให้ได้คงอำนาจต่อไป
ต่อมาเมื่อซูอัน ไทเฮาได้ทรงสิ้นพระชนม์ ทรงได้บริหารราชการโดยคนเดียวมาตลอด ทรงได้ทำสงครามกับต่างชาติ และปลดผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความสามารถออก อีกทั้งยังทรงหาความสำราญท่ามกลางความลำบากของประชาชนนับพันล้าน และยังทรงกีดกันการปฏิรูปร้อยวัน ทำให้ทรงถูกประณามโดยชาวจีนในยุคต่อมา ว่าเป็นต้นเหตุของความเลวร้ายในชาติ และเป็นการจุดชนวนให้กับราชวงศ์ชิงให้แตกสูญในเร็ววัน
พระนางซูสี ไทเฮาทรง “ว่าราชการหลังม่าน” ยาวนานนับตั้งแต่เมื่อเริ่มศักราชถงจื้อจนถึงสิ้นรัชศกกวงสู โดยจักรพรรดิถงจื้อทรงมีโอกาสได้ว่าราชการบ้านเมืองน้อยมาก และทรงไม่ได้มีโอกาสว่าราชการอีก เมื่อทรงขัดแย้งกับเหล่าขุนนางจนพระนางยึดพระราชอำนาจคืน ส่วนจักรพรรดิกวงสูเอง ทรงมีพระปรีชาสามารถมากพอ แต่น่าเสียดายที่เมื่อเกิดความล้มเหลว พระนางทรงสั่งให้คุมพระองค์ไปที่ตำหนักกลางทะเลสาบ และทรงไม่มีพระราชอำนาจในพระองค์อีกเลยจนเสด็จสวรรคต
พระนางทรงสิ้นพระชนม์ในปี 1908 หลังการสวรรคตของจักรพรรดิกวงสู 1 วัน โดยทรงแต่งตั้งให้หลงยู่ฮองเฮาขึ้นเป็นไทเฮา
พระนางหลงยู่ไทเฮา
พระนางหลงยู่ไทเฮา
6.พระนางหลงยู่ไทเฮา
พระ นางหลงยู่ไทเฮาเป็นพระพันปีหลวงองค์สุดท้ายของประเทศจีน ทรงได้รับเข้าเป็นฮองเฮาโดยการบังคับของซูสีไทเฮา ซึ่งทำให้จักรพรรดิกวงสูไม่โปรดปรานในตัวพระนางนัก ทำให้พระนางไม่พอพระทัยและไม่สนใจจักรพรรดิอีก
เมื่อจักรพรรดิกวงสู และพระนางซูสีไทเฮาสวรรคตในปี 1908 ทำให้พระนางขึ้นเป็นหลงยู่ไทเฮาในฐานะไทเฮาของพระจักรพรรดิเซวียนถ่ง ซึ่งขณะนั้น ราชวงศ์ชิงเองอยู่ในภาวะที่ใกล้ล่มสลายเข้าทุกขณะ และอยู่ในภาวะวิกฤต
การก่อจราจลในอู่จางและการปฏิวัติซินไฮ่ รวมถึงการก่อตั้งสาธารณรัฐจีน ทำให้ราชวงศ์ชิงสิ้นอำนาจในปี 1911 และต่อมา 1912 นายพลหยวนซื่อไข่ได้ยื่นใบสละราชบัลลังก์ให้พระนางลงพระนาม ทำให้ราชวงศ์ชิงสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในปีนั้น และทำให้ระบอบจักรพรรดิสิ้นสุดลงในที่สุด
พระนางทรงตรอมพระทัยจนสิ้น พระชนม์ปี 1913 มีการขนพระบรมศพโดยทางรถไฟ หลี่ หยวนหง รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน ได้กล่าวสรรเสริญพระนางว่า “ทรงเป็นสตรีผู้ดีเลิศยิ่งท่ามกลางสตรีทั้งปวง”


ข้อมูล pantip

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

8 เหตุผล ชวนคน หย่าร้าง

8 เหตุผล ชวนคน หย่าร้าง

     พูดถึงการหย่าร้าง คู่แต่งงานคงไม่มีใครอยากให้เกิดกับชีวิตสมรสของตนเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้อัตราการหย่าร้างของคู่สมรสไทยเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมอะไรบ้างที่ทำให้คนเคยรักไม่สามารถอยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้อีกต่อไป วันนี้เรามีคำตอบมาฝากค่ะ
หย่าร้าง
1. การนอกใจ
     สำหรับคู่แต่งงาน การนอกใจถือเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดในชีวิตสมรส เพราะการที่สามีหรือภรรยาไม่สามารถควบคุมตัวเอง เผลอปล่อยใจให้กับคนใหม่ที่เข้ามานั้นได้ทำให้คู่ชีวิตอีกฝ่ายเกิดความ รู้สึกไม่เชื่อมั่นในตัวคุณ และมักเลือกการหย่าร้างเป็นทางออกจากสถานการณ์ที่เจ็บปวด

2. คุยกันไม่รู้เรื่อง
     คู่สามีภรรยาขาดความสามารถในการสื่อสาร ฟังดูไม่น่าจะเป็นต้นเหตุให้คู่สามีภรรยาที่รักกันเลิกรากันได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว เหตุเพราะผู้ชายกับผู้หญิงนั้นไม่เหมือนกัน รูปแบบการสื่อสารที่ต่างฝ่ายต่างแสดงออกมานั้นจึงค่อนข้างแตกต่าง และบางครั้งอาจทำให้อีกฝ่ายไม่เข้าใจสารที่ส่งออกมาได้ เมื่อสื่อสารกันไม่เข้าใจ เรื่องเล็ก ๆ ก็พร้อมจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หรือบางคู่ก็อาจเก็บความโกรธนั้นไว้ในใจ และประชดประชันด้วยการแสดงท่าทางที่หมางเมินกับคู่ของตนเอง เมื่อสะสมไปนาน ๆ เข้า สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ความสัมพันธ์เปราะบาง และแตกหักในที่สุด

3. ถูกทอดทิ้งจากคู่ชีวิต
     หากสามีหรือภรรยาถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการเอาใจใส่เหลียวแลเป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลอะไร ก็คงเกิดคำตอบขึ้นในใจว่า แล้วจะทนอยู่ไปทำไม ในเมื่อระยะเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีความสุขในชีวิตสมรสเลย

4. ถูกทำร้ายร่างกาย – จิตใจ
     การทำร้ายร่างกาย หรือจิตใจคู่ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่คนรักกันพึงกระทำ เพราะนั่นหมายถึงเขาหรือเธอกำลังเห็นแก่ความสุขของตนเอง และเลือกที่จะทำร้ายสามีหรือภรรยาตนเองเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี

5. ปัญหาทางการเงิน
     ปัญหาทางการเงินของครอบครัวทำให้น้ำต้มผักมีรสเฝื่อนได้ ในครอบครัวที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง แถมคู่สามีภรรยายังไม่ยอมจับมือกันฟันฝ่าอุปสรรค ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มักจะแย่ลง และทำให้มองการหย่าร้างเป็นทางออกของปัญหาในที่สุด

6. เป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน
     หากสิ่งที่เรียกว่าเป้าหมายในชีวิตของคู่สามีภรรยาแตกต่างกัน มักจะนำมาซึ่งความขัดแย้งได้ง่าย เช่น ภรรยาอยากให้สามีช่วยงานบ้านและช่วยเลี้ยงลูก แต่สามีกลับมองว่าสิ่งนั้นเป็นหน้าที่ของภรรยา เมื่อต่างฝ่ายต่างคาดหวังให้อีกฝ่ายปรับตัว หากสุดท้ายไม่มีใครยอมเสียสละ หรือเอาแต่มองว่าอีกฝ่ายเห็นแก่ตัว ก็จะทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งได้ง่าย ความสัมพันธ์ก็อาจสั่นคลอนได้

7. ต่างฝ่ายต่างยืนอยู่บนความเชื่อที่แตกต่าง
     ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง ศาสนา ฯลฯ หากคู่สามีภรรยาเกิดมีความเห็นที่แตกต่างกันแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า ปัจจัยภายนอกเหล่านั้นจะเป็นชนวนจุดระเบิดชั้นดี เห็นตัวอย่างได้ง่าย ๆ จากกรณีความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศไทย ที่หลายบ้านมีความเห็นไม่ตรงกัน หากไม่สามารถประนีประนอมยอมปิดทีวี หรือเลิกรับสื่อกันสักพักเพื่อปรับความเข้าใจ ก็มักนำมาซึ่งความหมางเมิน พูดจาไม่เข้าหูกันได้ง่าย ๆ

8. ติดอบายมุข
     ส่วนมากคุณสมบัติข้อนี้มักตกแก่คุณสามี แต่ปัจจุบันก็มีฝ่ายหญิงหลายคนรับคุณสมบัติข้างต้นมาเป็นของตนเช่นกัน คนขี้เหล้าไม่เอาการเอางาน เมาเช้าเมาเย็น หน้าที่รับผิดชอบในบ้านไม่สนใจ หากคู่ชีวิตเป็นคนอดทนก็คงยอมทนกันไปได้ แต่หากเขาเป็นคนรักความก้าวหน้า เชื่อว่าคงไม่ยอมปล่อยชีวิตตนเองให้ถดถอยเพียงเพราะมารักคนขี้เมาเป็นแน่
และถ้าสุดท้าย หากปัญหามันยากเกินเยียวยา เหนื่อยเกินจะเหนียวรั้ง สุดท้ายก็จบด้วย ชีวิตคู่พังทลาย และการเซ็นต์ใบหย่า นั่นเอง
jeny

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

24 เหตุผล....ทําไมคนต้องเลื้ยงแมวสักครั้งในชีวิต

24 เหตุผล..ทำไมคนต้องเลี้ยงแมวสักครั้งในชีวิต


 แมว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Distractify

          ประโยชน์ ของการเลี้ยงแมว ที่น่าจะเป็นเหตุผลดี ๆ สำหรับทาสแมว ที่จะมีเหมียวน้อยเข้ามาวนเวียนเป็นเพื่อนรู้ใจอยู่ในชีวิต ลองไปอ่านประโยชน์ของการเลี้ยงแมวกันเลย

          หาก คุณคิดว่าแมวเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงธรรมดาที่แทบไม่ได้สร้างประโยชน์ใด ๆ ให้กับเจ้าของเหมือนสุนัขแล้วละก็ อาจจะต้องกลับไปทบทวนมุมมองกันใหม่อีกครั้งเสียแล้ว เพราะในวันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลจาก Distractify มาทำให้ทุกคนมองเห็นประโยชน์ของการเลี้ยงแมวในมุมมองที่แตกต่างออกไป และประโยชน์ที่ว่านี้ก็มากกว่าคอยเป็นยามเฝ้าบ้าน เพื่อนแก้เหงา และบางเรื่องก็อยู่เหนือสิ่งที่ทุกคนจะคาดคิดถึงด้วย
1. แมวเสมือนยาวิเศษช่วยบำบัดความรู้สึก

          แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยให้คนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายาก ๆ ของชีวิตไปได้ อย่างเช่น หลังการสูญเสียคนรัก โดยการพูดคุยปัญหากับแมว เพราะแมวจะไม่ซ้ำเติมความผิดพลาด หรือตัดสินคุณเหมือนการบอกกล่าวกับคน แต่แมวจะรับฟังทุกคำพูดอย่างตั้งใจ ดังนั้นแมวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบำบัด ที่จะทำให้ความเจ็บปวดภายในให้หายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์

2. ผู้ที่เลี้ยงแมวฉลาดกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข

          มหาวิทยาลัยคาโรล ในรัฐวิสคอนซิน เผยว่า หลังการทดสอบไหวพริบระหว่างผู้ที่เลี้ยงแมวกับสุนัขพบว่า ผู้ที่เลี้ยงแมวมีไหวพริบมากกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข ซึ่งนักจิตวิทยาเชื่อว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวน่าจะสืบเนื่องมาจาก ผู้ที่เลี้ยงแมวให้ความสนใจเรื่องรอบข้างมากกว่า เหมือนนิสัยของแมวนั่นเอง

3. แมวช่วยพลิกหน้าประวัติศาสตร์

          ย้อนกลับไปเมื่อ 525 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนการสู้รบที่เมืองเพลูเซียม ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของอียิปต์ในสมัยนั้น กษัตริย์แคมไบซิสที่ 2 หรือกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ได้สั่งให้วาดรูปแมวลงบนโล่ของเหล่าทหาร พร้อมกับให้ทหารแห่แมวนำหน้าทัพ ซึ่งเมื่อชาวอียิปต์ที่ยกย่องแมวเหนือสิ่งอื่นใดได้เห็นดังนั้น ก็ไม่กล้าสู้รบปรบมือด้วย เพราะกลัวจะทำให้เทพพิโรธ สุดท้ายจำต้องยอมถอยทัพ และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด

4. ลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจวาย

          จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมินิโซตาพบว่า การเลี้ยงแมวทำให้ระดับความเครียดน้อยลง เช่นเดียวกับการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายที่สูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

 แมว

5. แมวเข้ากันได้ดีกับทุกคน

          ส่วนความคิดที่ว่าสุนัขเป็นเพื่อนกับคนได้ดีกว่าแมวก็ไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะกับผู้หญิง เพราะศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์พบว่า แมวสามารถเข้ากับคนในครอบครัวเดียวกันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่แมวจะทำเช่นนั้นกับคนที่แสดงความเมตตา รักใคร่ และเอ็นดูกับพวกมันก่อน

6. ทาสแมวเป็นคนเปิดเผย อ่อนไหว และคิดนอกกรอบมากกว่า
          การศึกษาจากในซานฟรานซิสโกระบุว่า บุคลิกลักษณะระหว่างผู้ที่เลี้ยงแมวกับสุนัขมีความแตกต่างกันมากทีเดียว ซึ่งความแตกต่างก็เกิดขึ้นจากสัตว์เลี้ยงของพวกเขานั่นเอง โดยพบว่าผู้ที่เลี้ยงแมวเป็นคนที่เปิดเผย อ่อนไหว และมีความคิดนอกกรอบมากกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข ซึ่งนิสัยของแมวก็มีส่วน

7. แมวมีระดับคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ น้อยกว่าสุนัข

          นอกจากนี้ยังมีรายงานจากแหล่งข่าวอีกว่า การดูแลและให้อาหารสุนัขสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เทียบเท่ากับได้กับรถยนต์ ในขณะที่แมวซึ่งเป็นสัตว์ที่กินน้อย และอาหารที่แมวกินส่วนใหญ่ก็ยังเป็นปลามากกว่าเนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงทำให้มีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า โดยมีขนาดเทียบเท่ากับลูกกอล์ฟเท่านั้นเอง

8. แมวสามารถผูกมิตรกับเด็ก ๆ ได้ดี

          จากการศึกษาพบว่า 81 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่อาศัยอยู่กับแมว มักจะระบายความรู้สึกกับแมวมากกว่าเพื่อนหรือพ่อแม่ ในขณะที่เด็กอีกกว่า 87 เปอร์เซ็นต์เห็นแมวเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของตัวเอง

 แมว

9. เด็กที่อาศัยอยู่กับแมวขาดโรงเรียนน้อยกว่า

          เด็กที่อาศัยร่วมบ้านหลังเดียวกับแมวมีสถิติในการหยุดเรียนน้อยกว่าเด็กทั่ว ไป โดยมีค่าเฉลี่ยการหยุดเรียนอยู่ที่ประมาณ 9 วันต่อปีเท่านั้น ส่วนสาเหตุก็เป็นเพราะว่า ผู้ที่เลี้ยงแมวมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกว่านั่นเอง พร้อมกันนี้ยังพบว่าเด็กกลุ่มนี้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคหูอักเสบน้อยลง ด้วย

10. แมวช่วยให้ระดับคอเลสเตอรอลของเจ้าของน้อยลง 
          นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดาเชื่อว่า การเลี้ยงแมวสามารถช่วยให้สารเคมีที่เรียกว่า ไตรกลีเซอไลน์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลสูง ในร่างกายของผู้เลี้ยงแมวลดลงได้

11. แมวสามารถช่วยชีวิตเจ้าของได้

          โรเจอร์ มัคฟอร์ด นักจิตวิทยาสัตว์เชื่อว่า แมวสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดีไม่แพ้สุนัข หลังจากที่ในปี ค.ศ. 2012 แมวพุดดิ้งได้ช่วยชีวิตเอมี่ ผู้ที่รับเลี้ยงมันมาดูแลเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยในคืนที่เธอชัก เจ้าพุดดิ้งก็ใช้จมูกดันจนกระทั่งเธอรู้สึกตัว ก่อนจะวิ่งไปปลุกลูกชายของเธอ เพื่อให้เขาโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล

12. การเลี้ยงแมวช่วยลดความรู้สึกหดหู่

          และเนื่องจากการรักแมวเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และความรักนี้เองที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า แมวสามารถช่วยลดความรู้สึกหดหู่ ความรู้สึกกังวล หรือความรู้สึกกดดันได้

13. แมวช่วยเด็กออทิสติกได้

          หลังจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งควีนส์แลนด์พบว่า เด็กออทิสติกที่อยู่กับแมวมีแนวโน้มที่จะพูดคุย สบตา และยิ้มมากกว่าเด็กออทิสติกทั่วไป นั่นเป็นเพราะว่าความอ่อนโยนของแมวสามารถเข้ากับเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ดีนั่นเอง

14. การเลี้ยงแมวทำให้มีความสุขมากขึ้น

          การเลี้ยงดูแมวยังช่วยกระตุ้นการผลิตสารออกซิโทซิน หรือฮอร์โมนแห่งความรัก ก็เลยเป็นเหตุให้ทุกครั้งที่ผู้ที่เลี้ยงแมวดูแลพวกมัน กลายเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเองไปด้วย

 แมว

15. การครางของแมวช่วยรักษาโรคได้

          เนื่องจากการครางของแมวจัดอยู่ในช่วงความถี่ 20-140 เฮิรตซ์ ซึ่งเป็นช่วงความถี่ที่สามารถใช้รักษาโรคบางอย่างได้ อย่างเช่น ลดอาการหอบหืด หรือช่วยในการรักษากระดูกและเนื้อเยื่อให้ดีขึ้นได้แม้อยู่ในภาวะความดัน เลือดต่ำ เป็นต้น

16.  แมวช่วยลดความตึงเครียด

          มหาวิทยาลับมิสซูรีพบว่า การเลี้ยงแมวยังช่วยลดระดับความเครียดในคนด้วย หลังจากที่พวกเขานำผลการศึกษาของคนที่แต่งงานแล้วจำนวน 240 คู่ มาเปรียบเทียบและเห็นตรงกันว่า คู่แต่งงานที่เลี้ยงแมวมีระดับความเครียดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้เลี้ยง

17. แมวช่วยดึงเสน่ห์ผู้ชายออกมา

          จากการสำรวจเกี่ยวกับผู้ชายก็พบว่า ผู้หญิงโสดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าผู้ชายที่ชอบแมวมีแรงดึงดูดกับพวกเธอมากกว่าผู้ชายที่ไม่ชอบแมว

18. แมวช่วยลดโรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้ในเด็ก

          ส่วนเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่กับแมวตั้งแต่อายุยังน้อยมีโอกาสเป็นโรคหอบหืดน้อยกว่า เพราะจากการศึกษาพบว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายของเด็กกลุ่มนี้มีการพัฒนาที่ดี กว่าก็เลยช่วยป้องกันเด็กจากโรคดังกล่าวได้

19. ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน

          ในขณะที่ทีมวิจัยยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า เพราะเหตุใดเจ้าของแมวมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดในสมองอุดตันน้อย กว่าคนที่ไม่ได้เลี้ยงแมว แต่ถ้าหากลองพิจารณาดูดี ๆ ก็จะพบว่า สาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นอาจเพราะ แมวมีระดับความเครียดน้อย แถมยังมีความดันเลือดและคอเลสเตอรอลต่ำนั่นเอง

 แมว

20. คนเลี้ยงแมวเข้ากับคนรอบข้างได้ดี

          เนื่องจากเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับแมวจะมีการฝึกฝนการวิเคราะห์ความคิดและ ความรู้สึกไปในตัว ซึ่งจากประสบการณ์ดังกล่าวนี่เองที่ช่วยให้พวกเขาสามารถเข้ากับคนรอบข้างได้ ดี แถมยังสามารถวิเคราะห์การกระทำของพวกเขาที่มีอิทธิพลกับคนอื่นได้ด้วย

21. กลับสู่อารมณ์ปกติหลังจากผิดหวังได้เร็วขึ้น

          จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิสซูรี หลังจากที่พวกเขาให้นักศึกษาปริญญาตรีบรรยายความรู้สึกหลังโดนปฏิเสธออกมา พร้อมกับให้พวกเขาเขียนเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งผลปรากฏว่าสัตว์เลี้ยงมีส่วนช่วยรักษาความรู้สึกหลังโดนปฏิเสธได้

22. แมวสามารถช่วยดูแลผู้ป่วยที่เป็นอัลไซเมอร์ได้

          หากในบ้านของผู้ป่วยอัลไซเมอร์มีแมวอาศัยอยู่ด้วยจะทำให้พวกเขามีความวิตก น้อยลง เพราะแมวดูแลตัวเองได้ และขี้อ้อน ช่วยให้ผู้เลี้ยงมีความสุขมากขึ้น อีกทั้งแมวยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่สุด เนื่องจากแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องการการดูแลน้อยกว่าสุนัขนั่นเอง

23. แมวช่วยดูแลเด็ก ๆ แทนได้

          แมวยังสามารถทำหน้าที่ในการดูแลเด็ก ๆ ได้ดีอีกด้วย เพราะแมวสามารถทำหน้าที่ที่ใกล้เคียงกับพ่อ-แม่ของเด็ก ๆ โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ จากลักษณะการกระทำในระหว่างที่เจ้าของให้อาหารและดูแลพวกมัน

24. การเลี้ยงแมวช่วยรักษาระดับความดันเลือด

          จากการวิจัยของศูนย์ศึกษาการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ ของมหาวิทยาลัยมิสซูรีพบว่า การเลี้ยงดูและเล่นกับแมวช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลน้อยลง และจากผลข้างต้นนี่เองที่ทำให้ความดันเลือดอยู่ในระดับที่สมดุล


          หลังจากที่ได้เห็นประโยชน์ของการเลี้ยงแมวกันไปแล้ว ทีนี้เชื่อกันหรือยังว่าแมวไม่ใช่สัตว์เลี้ยงธรรมดา เป็นสัตว์เลี้ยงมหัศจรรย์ที่มอบประโยชน์มากมายให้กับเจ้าของ ก็หวังว่าทุกคนจะดูแลแมวของตัวเองกันเป็นอย่างดี และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขมากขึ้นนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

4 สุดยอดอาหารต้าน อัลไซเมอร์

หลายคนชอบมีอาการหลงๆลืมๆตั้งแต่ยังหนุ่มสาว มากินให้ถูกตั้งแต่วันนี้ ช่วยต้านโรคสมองเสื่อมหรือ อัลไซเมอร์ ได้ ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง นันทิกา ทวิชาชาติ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำอาหารป้องกันโรค อัลไซเมอร์ ในแต่ละหมวด ไว้ในหนังสือ ต้นแบบการป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ ดังนี้
plalektod003
  • อาหารที่มีโอเมก้า-3 (Omega-3) สูง ช่วย บำรุงสมองและต้านอาการซึมเศร้า พบมากในปลาทะเล เช่น ปลาทู ปลากะพง ปลากระบอก ควรกินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 200 กรัม หากหาปลาทะเลลำบาก สามารถทดแทนด้วย วอลนัท เมล็ดแฟล็กซ์ และน้ำมันมะกอกได้
  • อาหารที่มีแอนติออกซิแดนท์สูง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์สมอง พบมากในผัก ผลไม้ และเครื่องเทศต่างๆ เช่น ผักโขม สะเดา ลูกหม่อน ทับทิม พริกไทย ขิง กระเทียม ขมิ้น ควรกินอย่างน้อยวันละ 400 กรัม
  • อาหารที่มีวิตามินซีและอีสูง อีก หนึ่งตัวช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์สมอง พบมากในผักใบเขียวผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ฝรั่ง ผลไม้ตระกูลส้ม ลิ้นจี่ กะหล่ำปลี ขึ้นฉ่าย มะเขือเทศสีดา แนะนำให้กินสดเพื่อให้ได้รับวิตามินได้มากที่สุด ให้กินในปริมาณเท่าๆ กับกลุ่มที่มีแอนติออกซิแดนท์สูง
  • อาหารที่มีโฟเลทสูง เสริม การทำงานของกรดอะมิโนที่ซ่อมแซมเซลล์สมองให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พบมากใน ข้าวกล้อง ผักโขม ถั่วต่างๆ และผลไม้บางชนิด เช่น ส้มและสตรอว์เบอร์รี่ ให้กินในปริมาณเท่าๆ กับกลุ่มที่มีแอนติออกซิแดนท์สูง
เลือกอร่อยให้ได้ประโยชน์ต่อสมองกันตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ
ขอบคุณที่มาจาก : นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 377