วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ลด กลิ่นกาย ด้วยแพทย์แผนจีน

ผู้หญิงจะอินเลิฟใคร หรือชายใดจะอินเลิฟสาวคนไหน กลิ่นกาย ก็เป็นสิ่งสำคัญ บางทีคนที่เราชอบ ถูกใจบุคลิกท่าทางของเขาหรือเธอ แต่พออยู่ในระยะใกล้ชิด กลิ่นที่ไม่ใช่ กลับทำให้ความรักที่ดูเหมือนเพิ่งเริ่มต้นจางหายไปเกือบทันที กลิ่นจึงมีความสัมพันธ์กับความรัก เพราะมาจากสัญชาติญาณในการหาคู่ที่เหมาะสมเพื่อที่จะมีลูกด้วยกัน ผู้ชายและผู้หญิงเลือกหาคนรักที่มีกลิ่นเข้ากับยีนของตัวเอง
Woman in bathroom applying deodorant and smiling
ทั้งนี้ กลิ่นกาย ช่วยสร้างอารมณ์ความเป็นตัวเอง และเป็นตัวเสริมบุคลิกภาพที่สำคัญในการเข้าสังคมการใกล้ชิดพูดคุยกับผู้อื่น การมีกลิ่นที่พึงประสงค์ย่อมเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นแต่ในหน้าร้อนปัจจัยที่ส่งให้มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จะมากกว่าฤดูอื่น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดกลิ่นมากขึ้น เน้นดูแลเรื่องความสะอาดของร่างกายและเสื้อผ้ารวมถึงการรับประทานอาหาร จากนั้นจึงค่อยแต่งเติมกลิ่นที่คุณชื่นชอบ
กลิ่นตัวเกิดจากต่อมเหงื่ออะโพครายน์ ที่มีอยู่มากบริเวณรักแร้ รอบหัวนม ทวารหนัก และอวัยวะเพศ ต่อมเหล่านี้จะหลั่งของเหลวสีขาวขุ่น ซึ่งเป็นอาหารอย่างดีของแบคทีเรียที่จะเข้าไปกินแล้วปล่อยสารเคมีออกมาย่อย จึงทำให้เกิดกลิ่นขึ้น เรามักพบปัญหาเรื่องกลิ่นบ่อยๆ บริเวณรักแร้ เพราะรักแร้มีอุณหภูมิที่อุ่นชื้น เหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
กลิ่นเต่า…มาจากไหน
แพทย์จีน (พจ.) บุญเหลือ รุ่งสกาวเลิศ คลินิกเครือรพ.กล้วยน้ำไท กล่าวว่า สภาพอากาศที่ร้อนชื้นในช่วงเดือนเมษายน จะยิ่งทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีและมีจำนวนมากขึ้น ยิ่งหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องใส่ชุดฟอร์มเสื้อผ้าหนาๆ หรือเนื้อผ้าใยสังเคราะห์ไปทำงานทำให้การระบายความอับชื้นได้ไม่ค่อยดี
นอกจากนี้ บรรดาความเครียด และความกระวนกระวายใจ รวมไปถึงความรีบเร่งในช่วงเวลาก่อนและหลังเลิกงาน จะยิ่งทำให้เหงื่อออกมากขึ้น  โดยสาเหตุก็มาจากในตอนเช้าที่การเดินทางไปทำงานอาจมีเหงื่อออก แต่ก็แห้งไปเมื่อเดินเข้าออฟฟิศที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ ช่วงกลางวันไปกินข้าว แถมด้วยเดินช็อปปิ้งกับเพื่อนสาวมีเหงื่อออกแต่ก็กลับแห้งสะสมเป็นชั้นที่ 2 หลังกลับเข้าออฟฟิศ แต่ตอนเย็นที่มักรู้สึกว่าเหนียวตัว และมีกลิ่นมากกว่าช่วงอื่นเพราะเหงื่อผ่านการหมักหมมบนผิวหนังมา 2 รอบแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจะไปออกเดท ปาร์ตี้สังสรรค์ นัดคนสำคัญ ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจและทำให้เสียบุคลิกไปด้วย
ถ้าคุณเคยสูดกลิ่นกายของบรรดาชาวตะวัน คุณเคยสังเกตไหมว่า ผู้คนแถบนั้นมักมีกลิ่นตัวที่แรง ซึ่งนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหลักของกลิ่นตัวในทัศนะแพทย์แผนจีน
พฤติกรรมการกิน ซึ่งในปัจจุบันนี้คนไทยเริ่มมีปัญหาเรื่องกลื่นตัวกันมากขึ้น นั่นเพราะหันมานิยมการกินอาหารแบบตะวันตก ซึ่งให้พลังงานสูง เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ชีส ถั่ว นม และขนมหวานที่มีเนย นม ฯลฯ โดยการกินอาหารที่ให้พลังงานและไขมันสูงทำให้เกิดความร้อนในตัว ส่วนไขมันก็ไปเคลือบปิดทับรูขุมขนทำให้น้ำและกลิ่นระเหยออกจากตัวได้น้อย กลิ่นจึงหมักหมมเข้มข้นอยู่ในตัวมาก พอค่อยๆ ระบายออกมาได้ กลิ่นจึงแรงกว่าปกติ ยิ่งสาวๆ ที่ดื่มน้ำและทานผักผลไม้น้อย ชอบทานของมัน ของทอด เนื้อสัตว์ ผัก และเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุนก็มักมีปัญหาเรื่องกลิ่นตัวแรงกว่าปกติอีกด้วย
พจ.บุญเหลือ ยังกล่าวต่อไปว่า ปัญหาเรื่องกลิ่นตัวปัจจุบันมักพบจาก 2 สาเหตุ คือ การรับประทานหารประเภทฟาสต์ฟู้ด และอาหารประเภททอดมากเกินไป ซึ่งอาหารเหล่านี้ให้พลังงานสูง ร่างกายเกิดการสะสมความร้อน และขับถ่ายยากเพราะอาหารมีกากใยน้อย เมื่อความร้อนและการขับถ่ายระบายออกได้ไม่ดีจึงเป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่น
kem1

อย่างไรก็ตาม บรรดาปัญหากลิ่นเต่าก็สามารถรักษาได้โดยการใช้สมุนไพรจีน ซึ่งจะช่วยในการระบายของเสียและปรับสมดุลล้างพิษในร่างกาย ช่วยให้กลิ่นบรรเทาลดลงได้ อีกกลุ่มคือคนที่มีปัญหาต่อมใต้รักแร้อุดตัน ความร้อนและเหงื่อจึงระบายออกได้ไม่ดี คนกลุ่มนี้ต้องใช้การรักษาโดยการฝังเข็มเพื่อกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น ลดการอุดตันของต่อมให้สามารถระบายความร้อนและเหงื่อออกมาได้ปกติ ช่วยลดปัญหากลิ่นตัวลงได้ แต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกันจึงควรมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย
จบปัญหากลิ่นเต่า
วิธีง่ายๆ ในการเป็นสาวสวยกลิ่นน่าประทับใจ ก่อนอื่นก็ต้องทำให้ตัวเองปราศจากกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แล้วค่อยเติมกลิ่นที่ชอบเสริมเข้าไป ซึ่งเราสามารถลดกลิ่นได้โดยดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร (ขึ้นอยู่กับปริมาณเหงื่อที่เสียต่อวัน) เพราะน้ำเปล่าช่วยลดความร้อนในร่างกาย และช่วยเจือจางกลิ่นที่ขับออกมาทางเหงื่อ, ควรรับประทานผัก ผลไม้ที่ให้พลังงานน้อย เช่น แตงโม สับปะรด ฝรั่ง หลีกเลี่ยงผักผลไม้ และอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น มะม่วงสุก ทุเรียน เนื้อสัตว์ติดมัน ของหวาน อาหารขยะต่างๆ รวมทั้งช่วงหน้าร้อนควรเลี่ยงสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฯลฯ เพราะมีสารกระตุ้นการระเหยของกลื่นตัว รวมทั้งอาหารรสจัด เผ็ดร้อนเกินไป และคุณหมอยังแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า ควรมีผ้าชนหนูผืนเล็กๆ ไว้ซับเหงื่อเวลารู้สึกเหนียวตัว หรือใช้แป้งฝุ่นโรยตัวเพื่อช่วยลดปัญหาที่อาจก่อให้เกิดกลิ่นตัวได้
หลังจากลดกลิ่นได้แล้วเพื่อให้มีกลิ่นหอมให้หนุ่มข้างกายประทับใจ การเติมกลิ่นที่หนุ่ม ๆ ชอบเข้าไปก็ยิ่งทำให้หนุ่ม ๆ ต้องหันมองจนคอเคล็ด เช่น กลิ่นหอมหวานที่สาว ๆ หลายคนหลงใหลอย่างวานิลลาที่ได้รับการยอมรับมากกว่า 300 ปีแล้วว่ามีส่วนกระตุ้นความต้องการทางเพศ และยังพบว่ายังช่วยทำให้เกิดความอิ่มเอิบ ปลาบปลื้มยามใกล้ชิดสาวกลิ่นวานิลลา
จากข้อมูลวิจัยพบว่าผู้ชายกว่า 30 เปอร์เซ็นต์อ่อนไหวต่อสาวที่มีกลิ่นโดนัท และชะเอมติดตัว และก็คงเป็นสาเหตุเดียวกันที่สาวๆ เองก็ต้องหันตามกลิ่นเมื่อเดินผ่านร้านโดนัทแทบทุกครั้ง อีกกลิ่นที่พบว่าผู้ชาย 40 เปอร์เซ็นต์พบว่าน่าหลงใหลคือกลิ่นพายฟักทอง โดยเฉพาะเมื่อเจือด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งน่าจะมาจากพายฟักทองจะมีกลิ่นหอมหวานของวานิลลา และอบเชยผสมอยู่
การฉีดน้ำหอมก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ควรฉีดในระยะห่างจากตัวประมาณ 6 นิ้ว และฉีดในบริเวณลำคอ แขน และที่ด้านหลังของหัวเข่า เพราะกลิ่นหอมก็เหมือนกับความร้อนที่จะลอยตัวขึ้นข้างบน ไอระเหยจากน้ำหอมจะทำให้คนข้างกายรู้สึกว่าคุณเป็นสาวที่หอมทั่วเรือนร่าง การฉีดเติมระหว่างวันก็ขึ้นอยู่กับประเภทน้ำหอมที่คุณเลือกใช้ ถ้าเลือกใช้หัวน้ำหอมกลิ่น 15 -30 เปอร์เซ็นต์ก็จะติดกายอยู่ประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง เออ ดิ เพอร์ฟูม 10 – 20 เปอร์เซ็นต์กลิ่นจะติดอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ถ้าเลือกใช้เป็นเออ ดิ ทอยเลตต์อาจต้องฉีดเติมทุก 3 – 4 ชั่วโมง ส่วนน้ำหอมที่เป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มวัยรุ่นเพราะหาซื้อง่าย และมีราคาไม่แพงคือ เออ ดิ โคโลญจน์ซึ่งกลิ่นจะติดตัวอยู่ประมาณ3 ชั่วโมง

ขอบคุณที่มากจาก : emaginfo.com

ไม่มีความคิดเห็น: